ขลุกขลักเล็กน้อยครับกว่าจะหาเหรียญเจอว่าเจ้าเหรียญนี้ไปซุกซ่อนอยู่ตรงไหน กว่าจะถ่ายรูปอย่างทุลักทุเลเพราะอุปกรณ์บางอย่างหาไม่เจอภาพเลยออกมาไม่ค่อยจะดี
อ่านกันเพลินๆเผื่อจะได้ข้อคิดในการหาซื้อเหรียญ ความตั้งใจอยากจะให้สมาชิกเข้ามาต่อยอด มีเหรียญอะไรที่มาที่ไปเป็นแบบไหนโพสท์กันเข้ามาแบบสนุกๆไม่ซีเรียส
เจ้าเหรียญ 10 บาทสองสีปี 2533 นี่เขาว่าหายากเพราะผลิตเพียง 100 เหรียญ ให้ผู้ใหญ่เอาไปแจกที่ต่างประเทศซะหลายสิบเหรียญที่เหลือกลับมาเมืองไทยก็ไม่รู้ว่าตก
อยู่กับใครบ้าง
อ่านกันเพลินๆเผื่อจะได้ข้อคิดในการหาซื้อเหรียญ ความตั้งใจอยากจะให้สมาชิกเข้ามาต่อยอด มีเหรียญอะไรที่มาที่ไปเป็นแบบไหนโพสท์กันเข้ามาแบบสนุกๆไม่ซีเรียส
เจ้าเหรียญ 10 บาทสองสีปี 2533 นี่เขาว่าหายากเพราะผลิตเพียง 100 เหรียญ ให้ผู้ใหญ่เอาไปแจกที่ต่างประเทศซะหลายสิบเหรียญที่เหลือกลับมาเมืองไทยก็ไม่รู้ว่าตก
อยู่กับใครบ้าง
เหรียญนี้ได้มาตั้งแต่ปี 2538 โน่นแน่ะครับ ร้านขายเหรียญโทรมาบอกว่า “มีเหรียญสิบบาทปี 2533 เอาไหม ถ้าจะดูรีบมาเลย”อ้ายผมส่วนใหญ่หนักไปทาง
เหรียญเก่าๆยังงงอยู่นิดๆ เอ้าไปดูก็ไปดู “ผลิตน้อยนะแค่ร้อยเหรียญ ผมลืมเอาสำเนาคำสั่งผลิตมาให้ดู วันหลังจะเอามาให้ดูเขาผลิตร้อยเดียวจริงๆไม่โกหก” ผมหยิบ
เหรียญมาส่องดูแล้วถามว่า “ตีไว้เท่าไหร่เฮีย” “เหรียญนี้แสนห้าครับ”ผมฟังแล้วสะดุ้งเหรียญเกือบหล่นจากมือ “โอ้โฮ !เหรียญใหม่ๆอย่างนี้นะตั้งแสนห้าเก็บเหรียญ
เก่าได้อีกอื้อเลย”ผมวางเหรียญลง “ไม่แพงครับกว่าผมจะได้มาผ่านตั้งหลายด่านถ้าพี่ว่าแพงผมมีอีกเหรียญถูกกว่าครับ” เจ้าของร้านหันกลับไปล้วงเอาสมุดเก็บเหรียญคู่
ชีวิตออกมาพลิกและหยิบอีกเหรียญส่งให้ “อ้าวเหรียญนี้ใครมันดันตอกตัว T ไว้ที่เหรียญทำไม” ผมซักต่อ “อ๋อ มันเป็นเหรียญลองพิมพ์ เขาว่ามีห้าเหรียญ ผมได้มา
เหรียญเดียว” ผมส่องดูอยู่นานกับเจ้าเครื่องหมายตัว T (น่าจะย่อมาจาก Test)ขนาดเกือบใหญ่ที่อยู่บนพื้นทองเหลือง “แล้วเหรียญนี้เท่าไหร่”ผมแกล้งแหย่ต่อ
“แสนถ้วนครับ” เจ้าของตอบด้วยความหวังว่าน่าจะโดนใจผมสักเหรียญ “ไม่มีเงินค่ะ ช่วงนี้ซื้อของไปเยอะแล้ว”ผมตอบแบบวัดดวง “ไม่เป็นไร เมื่อไหร่ก็ได้ เอาไปเก็บ
ไว้ก่อน หาไม่ได้แล้วนะ”เจ้าของร้านชักเสียงอ่อนลง “อย่าให้มันถึงแสนห้าเลยแค่แสนสองก็พอแล้ว ไม่รู้ว่ามันร้อยเหรียญจริงหรือเปล่าถ้าดันมีออกมามากๆก็จบกัน”
เจ้าของร้านพยายามยื้อราคาขึ้นผมเลยรีบตัดบท “จะรีบไปแล้วถ้าได้ก็ส่งมาเลย”แล้วผมก็ไม่พูดมากหยิบเหรียญใส่กระเป๋าเสื้อเดินออกมาแล้วหันไปสำทับว่า “แล้วจะโอน
เงินไปให้” ผมเดินออกมาด้วยความงงว่าตูข้าคิดผิดหรือคิดถูกที่ดันไปเอาเหรียญนี้มารู้อยู่แล้วว่าหายากแต่กลัวจะผิดราคา อย่ากระนั้นเลยผมรีบเดินไปอีกร้านหนึ่งซึ่งอยู่ไม่
ไกลกันมากนัก “เออ อ้ายเหรียญสิบบาทปี 2533 เขาเล่นกันเท่าไหร่วะ ” เจ้าของร้านใหม่หันมามองหน้าผมอย่างแปลกใจ “ อ้าวเล่นเหรียญใหม่แล้วรึ เห็นเมื่อสี่เดือนก่อนอ้าย..
มันปล่อยไปหกหมื่นกว่า”เอาละซิครับถ้าเป็นท่านๆจะคิดอย่างไร
เหรียญเก่าๆยังงงอยู่นิดๆ เอ้าไปดูก็ไปดู “ผลิตน้อยนะแค่ร้อยเหรียญ ผมลืมเอาสำเนาคำสั่งผลิตมาให้ดู วันหลังจะเอามาให้ดูเขาผลิตร้อยเดียวจริงๆไม่โกหก” ผมหยิบ
เหรียญมาส่องดูแล้วถามว่า “ตีไว้เท่าไหร่เฮีย” “เหรียญนี้แสนห้าครับ”ผมฟังแล้วสะดุ้งเหรียญเกือบหล่นจากมือ “โอ้โฮ !เหรียญใหม่ๆอย่างนี้นะตั้งแสนห้าเก็บเหรียญ
เก่าได้อีกอื้อเลย”ผมวางเหรียญลง “ไม่แพงครับกว่าผมจะได้มาผ่านตั้งหลายด่านถ้าพี่ว่าแพงผมมีอีกเหรียญถูกกว่าครับ” เจ้าของร้านหันกลับไปล้วงเอาสมุดเก็บเหรียญคู่
ชีวิตออกมาพลิกและหยิบอีกเหรียญส่งให้ “อ้าวเหรียญนี้ใครมันดันตอกตัว T ไว้ที่เหรียญทำไม” ผมซักต่อ “อ๋อ มันเป็นเหรียญลองพิมพ์ เขาว่ามีห้าเหรียญ ผมได้มา
เหรียญเดียว” ผมส่องดูอยู่นานกับเจ้าเครื่องหมายตัว T (น่าจะย่อมาจาก Test)ขนาดเกือบใหญ่ที่อยู่บนพื้นทองเหลือง “แล้วเหรียญนี้เท่าไหร่”ผมแกล้งแหย่ต่อ
“แสนถ้วนครับ” เจ้าของตอบด้วยความหวังว่าน่าจะโดนใจผมสักเหรียญ “ไม่มีเงินค่ะ ช่วงนี้ซื้อของไปเยอะแล้ว”ผมตอบแบบวัดดวง “ไม่เป็นไร เมื่อไหร่ก็ได้ เอาไปเก็บ
ไว้ก่อน หาไม่ได้แล้วนะ”เจ้าของร้านชักเสียงอ่อนลง “อย่าให้มันถึงแสนห้าเลยแค่แสนสองก็พอแล้ว ไม่รู้ว่ามันร้อยเหรียญจริงหรือเปล่าถ้าดันมีออกมามากๆก็จบกัน”
เจ้าของร้านพยายามยื้อราคาขึ้นผมเลยรีบตัดบท “จะรีบไปแล้วถ้าได้ก็ส่งมาเลย”แล้วผมก็ไม่พูดมากหยิบเหรียญใส่กระเป๋าเสื้อเดินออกมาแล้วหันไปสำทับว่า “แล้วจะโอน
เงินไปให้” ผมเดินออกมาด้วยความงงว่าตูข้าคิดผิดหรือคิดถูกที่ดันไปเอาเหรียญนี้มารู้อยู่แล้วว่าหายากแต่กลัวจะผิดราคา อย่ากระนั้นเลยผมรีบเดินไปอีกร้านหนึ่งซึ่งอยู่ไม่
ไกลกันมากนัก “เออ อ้ายเหรียญสิบบาทปี 2533 เขาเล่นกันเท่าไหร่วะ ” เจ้าของร้านใหม่หันมามองหน้าผมอย่างแปลกใจ “ อ้าวเล่นเหรียญใหม่แล้วรึ เห็นเมื่อสี่เดือนก่อนอ้าย..
มันปล่อยไปหกหมื่นกว่า”เอาละซิครับถ้าเป็นท่านๆจะคิดอย่างไร
ส่วนตัวผมเองมึนครับสงสัยว่าตัวเองคงจะตกควายแน่ๆ(ภาษานักเล่นพระเขาใช้กับพวกที่ซื้อขายของแบบผิดราคาเรียกว่าโง่ยิ่งกว่าควายทำนองนั้นแหละครับ)ผมเลยบอกกับเจ้าของร้านคนใหม่ว่า “เอาอย่างนี้ถ้าคุรไปเอาเหรียญนั้นมาให้ผมได้ในราคาไม่เกินแปดหมื่น ผมให้ค่าเดิน 10%” เจ้าของร้านมองหน้าผมลดน้ำเสียงลงแล้วบอกว่า “ไม่รู้มันขายต่อใครไปแล้วหรือยัง ผมก็ฟังเขามาอีกทีถ้ายังไงจะลองถามดูให้” จากวันนั้นจนถึงวันนี้เจ้าของร้านคนนั้นไม่เคยพูดถึงเหรียญสิบบาทปี 2533 ให้ผมได้ยินอีกเลยครับ ส่วนตัวผมเมื่อซื้อแล้วจะถูกจะแพงอย่างไรจะไม่คิดอีกเพราะไม่เกิดประโยชน์ จะเดินเอาเหรียญกลับไปคืนร้านเดิมก็กลัวเสียฟอร์ม เลยเก็บเอาไว้จนเกือบลืม พอดีน้องกฤตย์ดันเอาเหรียญแบบนี้มาโพสท์ไว้อีกกระทู้หนึ่งเลยนึกขึ้นได้ คุณนิคมก็เร่งไขลานผมซ้ำอีกเลยต้องเอามาโพสท์ดูกัน เหรียญนี้เป็นเหรียญสภาพดีระดับ UNC แต่ด้านหน้ามีรอยด่างเป็นจุดๆนิดหน่อยว่าจะค่อยๆทำความสะอาด ผมยังนึกย้อนไปว่าถ้าผมดันเอาเจ้าเหรียญที่มีตำหนิที่มีตัว T เอาไว้อีกหนึ่งตัว ณ เวลานี้มันยังจะคุ้มไหมหนอ
ภาพเปรียบเทียบตัวหนังสือระหว่างปี 2533 กับปี 2537 (ที่นิยมเอาไปตัดหางให้เป็นปี 2533) จะสังเกตุเห็นได้ว่าตัวเลขเจ็ดถ้าไม่มีหางจะมีความผอมกว่าเลข
สามของแท้เล็กน้อย และหัวของเลขเจ็ดจะมีความห่างไม่เท่ากับหัวของเลขสามซึ่งเป็นของแท้ครับ
ต้องขอบคุณ : คุณ : นายอรรณพ แก้วปทุมทิพย์ [เลขที่สมาชิก 00000001379] - [ 5 พฤษภาคม 2552 22:35 น. ] http://ecatalog.treasury.go.th/webboard/view.php?qid=3636&gid=12&PageShow=4
No comments:
Post a Comment